คำที่ควรจำคือ หมาใน เหล็กใน เยื่อใย ใยบัว ใยแมงมุม
การใช้สระไอ
ใช้เขียนดังนี้
1. คำไทยที่มีเสียงไอ นอกเหนือจากคำที่ใช้สระ ใอ 20 คำ เช่น ไฉไล ไป ไกล ไหม
ลำไย จุดไต้
2. คำสันสกฤตเดิมที่มีสระไออยู่แล้ว เช่น ไกรพ ไพฑูรย์ ไมตรี ไพชยนต์
3. คำบาลีสันสกฤตที่แผลง อิ อี เอ เป็น ไอ เช่น วิจิตร - ไพจิตร ตรี -
ไตร
4. คำที่มาจากภาษาอื่นที่ออกเสียงไอ เช่น ซามูไร ไซเรน ไต้ก๋ง
ไต้หวัน
การใช้อัย
ใช้เขียนคำบาลีสันสกฤตที่มีเสียงอะ มี ย ตาม เช่น ชย - ชัย วินย - วินัย
อุทย - อุทัย
การใช้ไอย
ใช้เขียนตามความนิยมของไทยมาแต่เดิม เช่น ไมยราบ ไอยคุปต์ ไอยรา
และใช้เขียนคำบาลีสันสกฤตที่ใช้สระเอ มี ย สะกด และ ย ตาม เช่น คงเคยย - คงไคย
เทยยทาน - ไทยทาน อธิปเตยย - อธิปไตย
คำเป็น คำตาย
การประสมอักษรจะเกิดเป็นพยางค์หรือคำ ซึ่งมี 2 ลักษณะ คือ คำเป็น และคำตาย
ซึ่งมีลักษณะดังนี้
คำเป็น คือ คำที่ออกเสียงได้สะดวก
ลากเสียงให้ยาว ๆ ได้ ได้แก่
1. คำที่ประสมด้วยสระเสียงยาว ในแม่ ก. กา เช่น มา ลี ตี ปู นา
2. คำที่มีตัวสะกดในมาตรา กง กน กม เกย เกอว
3. คำยกเว้น ได้แก่คำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้น อำ ไอ ใอ เอา
ถือว่าเป็นคำเป็นเพราะเหมือนมีตัวสะกด ในมาตรา กม เกย เกอว
คำตาย คือ คำที่ออกเสียงได้ไม่สะดวก
ต้องมีการปิดกั้นเสียงท้ายพยางค์ มีลักษณะดังนี้
1. คำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่ ก. กา ยกเว้น อำ ไอ ใอ เอา เช่น มะ ลิ จะ
ปะ กระ ทะ ผุ
2. คำที่มีตัวสะกด ในมาตรา กก กด กบ เช่น อยาก โดด ตบ
วรรณยุกต์
วรรณยุกต์มี 4 รูปได้แก่ ่ (ไม้เอก) ้ (ไม้โท) ๊ (ไม้ตรี) ๋ (ไม้จัตวา)
เสียงวรรณยุกต์มี 5 เสียง ได้แก่ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี
และเสียงจัตวา
คำทุกคำในภาษาไทยล้วนมีเสียงวรรณยุกต์ทั้งสิ้นไม่ว่าคำนั้นจะมีรูปวรรณยุกต์หรือไม่
วรรณยุกต์ช่วยเพิ่มคำในภาษาไทยและช่วยทำให้คำมีความหมายมากขึ้น
วรรณยุกต์จึงเป็นเอกลักษณ์ของภาษาไทย
และแสดงให้เห็นภูมิปัญญาทางภาษาของบรรพบุรุษไทยด้วย ดังนั้น นักเรียนจึงควรสนใจ
ให้ความสำคัญและช่วยกันรักษาเอกลักษณ์ทางภาษาไทยนี้ไว้
ด้วยการใช้วรรณยุกต์ให้ถูกต้องทั้งการเขียนและการออกเสียงคำ
โดยพยายามใส่ใจศึกษากฎเกณฑ์ของการผันเสียงวรรณยุกต์ให้เข้าใจ
การผันวรรณยุกต์
ความผิดพลาด ในการผันวรรณยุกต์ที่พบมากในปัจจุบันก็คือ ออกเสียงวรรณยุกต์
ตามรูปวรรณยุกต์ที่ปรากฏ ซึ่งนับว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก
คำในภาษาไทยนั้นอาจจะมีรูปและเสียงวรรณยุกต์ตรงกันหรือไม่ตรงกันก็ได้
ขึ้นอยู่กับพยัญชนะต้นว่าเป็นอักษรสูง อักษรกลาง
หรืออักษรต่ำและเป็นคำเป็นหรือคำตาย
นักเรียนควรทบทวนเรื่องเหล่านี้ให้เข้าใจก่อนที่จะศึกษาหลักการผันเสียงวรรณยุกต์
หลักการผันเสียงวรรณยุกต์
คำที่มีพยัญชนะต้นเป็นอักษรกลาง
ผันเสียงวรรณยุกต์ได้ดังนี้
1. คำเป็น ผันวรรณยุกต์ได้ครบ 4 รูป 5 เสียง รูปและเสียงวรรณยุกต์ตรงกัน
เช่น อา อ่า อ้า อ๊า อ๋า พื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ ผันด้วยไม้เอก
เป็นเสียงเอก ผันด้วยไม้โทเป็นเสียงโท ผันด้วยไม้ตรีเป็นเสียงตรี
และผันด้วยไม้จัตวาเป็นเสียงจัตวา
2. คำตาย ผันวรรณยุกต์ได้ 3 รูป 4 เสียง เริ่มด้วยเสียงเอก เช่น อะ
อ้ะ อ๊ะ อ๋ะ คำ “อะ” เสียงเอกไม่มีรูปวรรณยุกต์
คำที่มีพยัญชนะต้นเป็นอักษรสูง
ผันเสียงวรรณยุกต์ได้ดังนี้
1. คำเป็น ผันวรรณยุกต์ได้ 2 รูป 3 เสียง ขัน ขั่น ขั้น
พื้นเสียงเป็นเสียงจัตวา ผันด้วยไม้เอก เป็นเสียงเอก
ผันด้วยไม้โทเป็นเสียงโท
2. คำตาย ผันวรรณยุกต์ได้ 1 รูป 2 เสียง ขะ ข้ะ
พื้นเสียงเป็นเสียงเอก ผันด้วยไม้โท เป็นเสียงโท
คำที่มีพยัญชนะต้นเป็นอักษรต่ำ
ผันเสียงวรรณยุกต์ได้ดังนี้
1. คำเป็น ผันวรรณยุกต์ได้ 2 รูป 3 เสียง คาน
ค่าน ค้าน พื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ ผันด้วยไม้เอก เป็นเสียงโท
ผันด้วยไม้โทเป็นเสียงตรี
2. คำตาย สระเสียงยาว ผันได้ 2 รูป 3 เสียง คาด ค้าด ค๋าด พื้นเสียงเป็นเสียงโท
ผันด้วยไม้โทเป็นเสียงตรี ผันด้วยไม้จัตวา เป็นเสียงจัตวา
3. คำตาย สระเสียงสั้น ผันได้ 2 รูป 3 เสียง คะ ค่ะ ค๋ะ พื้นเสียงเป็นเสียงตรี
ผันด้วยไม้เอกเป็นเสียงโท ผันด้วยไม้จัตวาเป็นเสียงจัตวา
4.