หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ภาษาฝรั่งเศส

 
       ภาษาฝรั่งเศส
Vocabulaire ( โวกาบูแลร์) คำศัพท์ & Conversation ( กงแวร์ซาซียอง ) บทสนทนา
 La Comunication ( ลา กมมูนีกาซียอง) การติดต่อสื่อสาร
 
Salut ( ซาลู่ ) สวัสดี
Bonjour, Monsieur (บง ชูร์ เมอซีเยอ) สวัสดีตอนเช้า ใช้กับผู้ชาย
Bonjour , Mademoiselle ( บงซัวร์ มัดมัวแซ็ล) สวัสดีตอนเย็น ใช้กับเด็กผู้หญิง หรือ หญิงสาวที่ยังไม่ใด้แต่งงาน
Bonjour,Madame (บงชูร์ มาดาม ) สวัสดีตอนเช้า (ใช้พูดกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว)
Bonne nuit, Madame (บอนนุย มาดาม ) สวัสดีตอนกลางคืน หรือ ใช้ก่อนเข้านอน (ใช้พูดกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว)
Bonne Journée ( บอน ชูร์เน่ ) ขอให้วันนี้ผ่านไปด้วยดี
Bonne après-midi ( บอน นับแพร่ะ มีดี้ ) ขอให้บ่ายนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี
Bonne soirée ( บอน ซัวเร่ ) ขอให้เย็นนี้ผ่านไปด้วยดี
Bon Week-end ( บง วีคเก็นด์) ชอให้สุดสัปดาห์นี้ผ่านไปด้วยดี
Bonnes Vacances ( บอน วาก๊องซ์) ขอให้เที่ยวให้สนุก
Au revoir ( โอ เรอวัวร์) ลาก่อน
A bientôt ( อา เบียงโต) แล้วเจอกันเร็วๆนี้
A Plus tard ( อา ปลู๊ ตาร์) แล้วเจอกันเร็วๆนี้
A Tout à l'heure ( อา ตุ๊ ตา เลอร์) แล้วเจอกันเร็วๆนี้ ใช้มื่ออาจจะเจอกันอีกสองสามชั่วโมงนี้
A tout de suite ( อา ตุ๊ด เดอ ซวิตต์) แล้วเจอกันเร็วๆนี้ ใช้เมื่อแแน่ใจว่าวันนี้จะเจอกันอีกภายในไม่กี่ชั่วโมง
 
ตัวอย่างข้อความสนทนา
Comment vous appelez-vous? (ก็อมม็อง วู ซับเปอเล่ วู ) คุณชื่ออะไร
Comment t'appelles-tu? (ก้อมม็อง ตั๊บแป็ล ตู) เธอชื่ออะไร
Je me présente, je m'appelle ........เชอ เมอ เพร่ซ้องต์ เชอมับแป็ล) ฉันขอแนะนำตัวเอง ฉันชื่อ
Alice, Voici Denise ( อาลิซ วัวซิ เดอนิซ) อาลิซ นี่คือ เอนิซ
Comment allez- vous? (ก็อมม็อง ตัลเล่วู ) ( ก้อมม็อง วาตู ) ( ซา ว้า) ท่านสบายดีนะครับ เธอสบายดีนะ เปนอย่างไรบ้าง
Très Bien ,Merci. et vous?( แทร่ะ เบียง แมร์ซี่ เอะ วู้) สบายดี ขอบคุณ แล้วท่านล่ะ
ça va / comme si ,comme ça ( ซา วา ก็อม ซิ ก็อม ซ่ะ) สบายดี ก็อย่างนั้นๆแหละ
Enchanté de faire votre connaissance(อ็องช็องเต้ เดอ แฟร์ โว้ตเทรอ กนเน้สซ้องซ์) ยินดีที่ใด้รู้จักคุณ
Je Vous souhaite la bienvenue เชอวู ซู แอ๊ต ลา เบียงเวอนู) ขอต้อนรับครับ
A votre santé! A la vôtre! Tchin Tchin! ( อา โว๊ตเทรอ ซ็องเต้ , อา ลา โว้ตเทรอ , ชิน ชิน) ขอให้คุณมีสุขภาพดี เป็นคำอวยพรในยามชนแก้วระหว่างการรับประทานอาหาร
A vos souhaites ( อา โว ซูแอ้ะ) ขอให้สมปราถนา อวยพรเมื่อมีใครซักคนจาม
Merci; c'est gentil de votre part / Merci infiniment ( แมร์ซี่ เซ ซ็องตีย์ เดอ โว้ตเทรอ ปาร์ แมร์ซิ แอ็ง ฟินีม็อง) ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมากๆ
Il n'y a pas de qoui! De rien ! Ce n'est pas grave! ( อีล นี ยา ป๊ะ เดอ กัว! เดอ เรียง ! เซอแน่ะ ป๊ะ กร๊าฟว์!) ไม่เป้นไรค่ะ
Je m'excuse. Excusez-moi. Pardonnez-moi.( เชอ เม็กซ์กิ๊วซ์ เอ็กซ์กิ๊วเซ่ มัว ปาร์ดอนเน่ มัว) ขอโทษค่ะ
Je suis vraiment désolé( เชอ ซวี แวร่ะม็อง เดโซเล่) ฉันเสียใจจริงๆ
 
Masculin & Féminin มัสกูแล็ง แฟมิแน็ง
เพศชาย masculin LE / UN
Le garçon (เลอ การ์ซง ) เด็กผู้ชาย
Le Journal (เลอ ชูร์นาล) หนังสือพิมพ์
Un Verre ( อัง แวร์) แก้วน้ำ
เพศหญิง Féminin LA / UNE
La fille ( ลา ฟีย์) เด็กผู้หญิง
La porte ( ลา ปอร์เตอ) ประตู
Une Bouteille ( อูน บูเตยย์) ขวด
L' เป็นใด้ทั้งเพศชาย และ เพศหญิง สำหรับคำนำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วย H หรือ สระ
i' hôtel ( masculin) ( โลเต็ล ) โรงแรม
i'avenue ( féminin) ( ลัฟเวอนู) ถนน ใหญ่
 
เพศชาย Masculin
1 คำที่มีนัยเกี่ยวกับเพศชาย หรือ อาชีพสำหรับเพศชาย
Le père ( เลอ แปร์) พ่อ
Le garçon ( เลอ การ์ซง) เด็กผู้ชาย
Le Boulanger ( เลอ บูลองเช่) คนขายขนมปัง (ชาย)
 
2 วัน เดือน ฤดูกาล น้ำหนัก ภาษา
Le deux (เลอ เดอ ) วันที่ สอง
Le mercredi ( เลอ แมร์เครอดี้ ) วันพุธ
L'hiver( ลีแวร์) ฤดูหนาว
Le kilo ( เลอ กีโล) หนึ่งกิโล
Le français (เลอ ฟรองเซ่) ภาษาฝรั่งเศส
 
3 คำจากภาษาอังกฤษที่ถูกยืมมาใช้ในภาษาฝรั่งเศส
Le short (เลอ ชอร์ต์) กางเกงขาสั้น
Le Jean (เลอ ชีนป กางเกงยีน
Le Walkman ( เลอ วอคมาน) เครื่องเล่นซีดีพกพา
Le Blues ( เลอ บลูส์) เพลงแนวบลูส์
Le Parking ( เลอ ปาร์กิ้ง) ที่จอดรถ
 
4 ประเทศ แม่น้ำ ผัก ผลไม้ ที่คำนั้นๆไม่ลงท้ายด้วย E
Le Japon (เลอ ชาปง) ประเทศญี่ปุ่น
Le Chao-Phraya (ลอ ชาว พรายา) แม่น้ำเจ้าพระยา
Le bateau (เลอ บาโต) เรือ
Le trou (เลอ ทรู) รู
ยกเว้น L'eau (โล) น้ำ เป็นเพศหญิง
 
เพศหญิง
1 คำที่มีนัยเกี่ยวกับเพศหญิง หรือ อาชีพสำหรัพเพศหญิง
La mére (ลา แมร์) แม่
La tante ( ลา ต๊องต์ ) ป้า
La boulangère (ลา บูลองแชร์) คนขายขนมปัง (หญิง)
 
2 ประเทศ แม่น้ำ ผัก ผลไม้ ที่ลงท้ายด้วย E
La Russie (ลา รูสซี) ประเทศรัสเซีย
La Seine (ลา แซน ) แม่น้ำแซน
La carotte (ลา การอตต์) แครอท
La poire (ลา ปัวร์) ลูกแพร์
 
3 ร้านค้า
La boutique (ลา บูติกก์ ) ร้าน(เล็กๆ)
La Boulangerie (ลา บูลองเชอรี) ร้านขายขนมปัง
 
ข้อสังเกต
ถ้าระบุเพศไม่ถูกต้อง ความหมายของคำศัพท์นั้นๆ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
เช่น Le livre ( เลอ ลิฟเวรอ ) หนังสือ
La livre ( ลา ลิฟเวรอ ) ปอนด์ ( น้ำหนัก)
การเปลี่ยนเพศอาจจะทำโดยการเติม E กำกับไว้ท้ายคำนาม
un étudiant ( อัง- เนตูดีย็อง) นักศึกษา ผู้ชาย
une étudiante ( อูน- เนตูดีย็อง) นักศึกษาผู้หญิง
การเติม E กำกับไว้ท้ายคำนามไม่อาจเปลี่ยนเพศใด้ในบางกรณีซึ่งการเปลี่ยนเพศในบางกรณีที่ว่านี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงรูปคำเล็กน้อยก่อน
un écolier ( อัง- เนกอลลีเย่) เด็กนักเรียนผู้ชาย
une écolière ( อูน- เนกอลลีแยร์) เด็กนักเรียนผู้หญิง
หรือในบางกรณี การจะระบุว่าเป็นเพศชาย หรือ เพศหญิงนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้รูปคำรูปอื่นไปเลย
Le gaçon ( เลอ การ์ซง) เด็กผู้ชาย
La fille ( ลา ฟีย์ ) เด็ก ผู้หญิง
Le fils ( เลอ ฟิส) ลูกชาย
La fille ( ลา ฟีย์) ลูกสาว
Le neveu ( เลอ เนอเวอ) หลานชาย
La nièce ( ลา นีแยซ) หลานสาว
การมีคลังคำศัพท์เยอะๆๆจะช่วยลดความสับสนในการพูด และ แยกแยะเพศได้
คำคุณศัพท์ ก็มีเพศ
เช่น Rond ( รง) กลม ( เพศชาย)
เปลี่ยนไปเป็นเพศหญิงด้วยการเติม E
Ronde ( รงด์) กลม ( เพศหญิง)
หรือบางทีกาเปลี่ยนเพศในคำคุณศัพท์ก็อาจจะเปลี่ยนรูปคำไปเลย
เช่น Beau ( โบ ) / Belle ( แบลล์) สวย
แต่มีคำคุณศัพท์บางคำนั้น โดยเฉพาะที่ลงท้ายด้วย E จะเป็นใด้ทั้งเพศชาย และ เพศหญิง
เช่น
qu'il est manifique! ( กิล แล มานยีฟิก) เขา ( ผู้ชาย) สุดยอด จริงๆ
qu'elle est manifigue! ( แกล แล มานยีฟีก) เธอ ( ผู็หญิง) สุดยอดจริงๆ
 
ในภาษาไทยเราไม่มีการระบุเพศเหมือนภาษาฝรั่งเศส คนไทยอย่างเราก็เลยไม่คุ้นเคยกัน
 
 

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ภาษาอังกฤษ

        ภาษาอังกฤษ

ประโยค คือส่วนที่สำคัญที่สุดในโครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เพราะในชีวิตประจำวัน เรามักพูดออกมาเป็นประโยค เพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ แต่ประโยคนั้นประกอบขึ้นด้วยคำต่างๆ ดังนั้นถ้าเราจะเริ่มศึกษาวิธีการแต่งประโยค เราจึงต้องเริ่มต้นศึกษาจากคำก่อน

Words ชนิดของคำในภาษาอังกฤษมี 8 ชนิดด้วยกัน คือ
1. Nouns (คำนาม)
เช่น God, man, John, American, friend, star, stone, air, mile, beauty ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ แนวคิด นามธรรม และความเชื่อ

2. Pronouns (คำสรรพนาม)
เช่น I, you, he, she, my, your, his, that, who, what, which, one, some ใช้เรียกแทนคำนาม จะได้ไม่ต้องเอ่ยนามนั้นซ้ำอีก
ตัวอย่าง:
John works at the hospital.He is a doctor.
Kate is my friend.I know her well.
A book is on the desk.The book which is on the desk is about history.
The children are playing outside.Some of them are crying.

3. Adjectives (คำคุณศัพท์)
ใช้ขยาย noun กับ pronoun เพื่อบรรยายให้เห็นลักษณะของ noun กับ pronoun ชัดเจนยิ่งขึ้น แบ่งออกเป็น adjective สำหรับบอกลักษณะ บอกปริมาณ และบอกจำนวน
- Qualifier Adjectives หรือคำคุณศัพท์ที่ใช้บอกลักษณะ เช่น beautiful, healthy, kind, poor, fast, dry, black
ตัวอย่าง:
Noun
Adj. + Noun
Adj. + Adj. + Noun
An appleA red appleA crisp, red apple
A girlA tall girlA beautiful, tall girl

- Quantifier Adjectives หรือคำคุณศัพท์ที่ใช้บอกปริมาณ เช่น many, much, few, little
ตัวอย่าง:
Noun
Adj. + Noun
An appleMany apples
moneyA little money

- Numeral Adjectives หรือคำคุณศัพท์ใช้บอกจำนวนนับลำดับที่ เช่น one, two, three, first, second
ตัวอย่าง:
Noun
Adj. + Noun
A houseTwo houses
FloorFirst floor

4. Verbs (คำกริยา)
เช่น go, take, fight, speak, sleep, wait ใช้แสดงกริยาอาการต่างๆ เป็นส่วนสำคัญในภาคแสดงของประโยค นอกจากนี้ คำกริยายังแบ่งได้เป็น กริยาแท้ และกริยาไม่แท้
- Finite Verbs กริยาแท้หรือคำกริยาที่สามารถผันตามประธานและรูปกาลได้
- Non-finite Verbs (Verbals) กริยาไม่แท้ ไม่สามารถเปลี่ยนรูปได้
ตัวอย่าง: verb "be" มีกริยาในรูปต่างๆ ดังนี้
Finite FormAm, is, are, was, were
Non-finite FormInfinitive = to be
Present Participle = being
Past Participle = been
Gerund = being



5. Adverbs (คำวิเศษณ์)
เช่น well, fast, long, gently, recently, again, yesterday, soon, rather, perhaps, not
ใช้ขยาย verb, adverb, adjective, preposition, conjunction, phrase, sentence เพื่อเพิ่มความหมายให้กับสิ่งที่ถูกขยาย
ตัวอย่าง:
ขยาย verbHe walks.He walks fast.
ขยาย adverbThe dog grows quickly.The dog grows very quickly.
ขยาย adjectiveIt is hot today.It is surprisingly hot today.
ขยาย prepositionMy cat sits beside me.My cat sits right beside me.
ขยาย conjunctionShe will come though it is late.She will come even though
it is late.
ขยาย phraseThe hotel is on the top of
the mountain.
The hotel is nearly on the top of
the mountain.
ขยาย sentenceThe bus leaves at 10 p.m.However, the bus leaves at
10 p.m.

6. Prepositions (คำบุพบท)
เช่น at, in, into, of, for ใช้เชื่อมกริยากับส่วนต่างๆ ของประโยค เพื่อบอกเวลา สถานที่ และทิศทาง ทำให้ประโยคสมบูรณ์
ตัวอย่าง:
InHe is in the pool.
OnThere is a mark on your shirt.
AtHe always arrives late at school.
AgainstA woman is standing against the door.
Up toI sleep up to 8 hours a day.

7. Conjunctions (คำสันธาน)
เช่น and, but, or, nor, that, if, because ใช้เชื่อมคำหรือประโยค มีทั้ง conjunction แบบคล้อยตาม ขัดแย้ง และเป็นเหตุเป็นผล
ตัวอย่าง:
AndThais eat with a spoon and fork.
ButBMW is beautiful but expensive.
OrWould you like coffee or tea?
Neithe...norNeither I nor she speaks Spanish.
BecauseTim passed the exam because he studied hard.

8. Interjections (คำอุทาน)
เช่น oh, alas, hurrah ใช้แสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ต่างๆ
ตัวอย่าง:
WellWell! That’s expensive.
Oh Oh! That’s great.

ในภาษาอังกฤษคำหนึ่งคำอาจจะเป็นได้มากกว่าหนึ่งชนิด แต่เมื่อใช้ในบริบทหนึ่งๆ แล้ว คำๆ นั้นจะทำหน้าที่ได้แค่เพียงอย่างเดียว เช่น อาจจะเป็น verb หรือ noun หรือ อาจเป็น adverb หรือ preposition ก็ได้ ตัวอย่างเช่น

Look:Look at that. (Look = verb)
Let me have a look at that. (look = noun)
Walk:He walked all the way here. (walked = verb)
He is taking a walk. (walk = noun)
In: Is John in? (in = adverb)
In the house. (In = preposition)
Up: He climbed up. (up = adverb)
Climb up the wall. (up = preposition)
After:He looked before and after. (after = adverb)
His dog trotted after him (after = preposition)
After we had left... (After = conjunction)

แหล่งที่มาhttp://www.dicthai.com/dt_grammar_unit1_words.html